2. USB 2.0 เริ่มใช้งานในปี 2001 ทำความเร็วการส่งข้อมูลสูงสุดที่ 480 Megabit/s รองรับการแปลงเป็นหัวแบบ USB Type A , Type B , Mini B (Port USB ที่ใช้ชาร์จในมือถือ และ MP3 พกพายุคก่อน) และ Micro B
3. USB 3.0 เริ่มใช้งานในปี 2011 ทำความเร็วส่งข้อมูลสูงสุดที่ 5 Gigabit/s (1 Gigabit = 1,000 Megabit) รองรับการแปลงเป็นหัวแบบ USB Type A , Type B และ Micro B (ใช้ในโทรศัพท์ Android รุ่นหลังๆ และหัวที่เสียบกับ External Hardisk
4. USB Lightning เริ่มต้นใช้งานในปี 2012 ทำความเร็วการส่งข้อมูลสูงสุดที่ 500 Megabit/s รองรับการใช้งานแค่ Lighhtning สำหรับชาร์จใน iPhone แลอุปกรณ์อื่นๆ ของ Apple เท่านั้น
5. USB 3.1 เริ่มในงานในปี 2014 ทำความเร็วส่งข้อมูลสูงสุดที่ 10 Gigabit/s รองรับการแปลงเป็นหัวแบบ USB Type A , Type B , Type C
6. USB 3.2 เริ่มใช้งานในปี 2017 ทำความเร็วส่งข้อมูลสูงสุดที่ 20 Gigabit/s รองรับการแปลงเป็นหัวแบบ Type C เท่านั้น และรองรับการใช้เทคโนโลยี Power delivery (PD) สำหรับมือถือที่ใช้งาน Fast Charge
7. USB 4 เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่พึ่งเริ่มใช้งานในปี 2019 ทำความเร็วส่งข้อมูลสูงสุดสที่ 40 Gigabit/s รองรับการใช้งานแค่พอร์ท USB Type C เท่านั้น (ทั้งสองหัวจะเป็นแค่ USB – C เท่านั้น)
อันล่างคือ USB – C เป็นมาตรฐานพอร์ต USB รุ่นล่าสุด และคาดว่าจะใช้พอร์ตนี้ไปอีกนาน โดยล่าสุด Apple เปลี่ยนสายชาร์จจาก Lightning มาใช้ Types C ใน iPad Pro แล้ว และคาดว่าในอนาคต มือถือทุกรุ่นจะต้องใช้พอร์ต USB Types C หมด ตามกฎของยุโรป
: ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จากเว็บ techhub.in.th